10/2/54

กาแฟ...ป้องกันโรค??





















กาแฟ เครื่องดื่มยอดนิยมของใครหลายคน บางคนถึงกับขาดไม่ได้กับการเริ่มต้นของวันใหม่ งานวิจัยล่าสุดรายงานว่าในกาแฟมีสารแอนติออกซิแดนท์ที่สำคัญ และยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานและมะเร็งต่อมลูกหมาก

กาแฟมีสารแอนติออกซิแดนท์ที่สำคัญหลายชนิด ได้แก่ caffeic acid, ferulic acid และ isoferulic acid ซึ่งช่วยรักษาสมดุลของระดับแอนติออกซิแดนท์ในร่างกายให้สมดุล จึงช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดจากภาวะ oxidative stress ได้ มีคำถามเกิดขึ้นว่าถ้าเราดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของนมและน้ำตาล ร่างกายจะยังสามารถดูดซึมสารแอนติออกซิแดนท์เหล่านี้ไปใช้ได้อยู่หรือไม่ โปรตีนในนมหรือคาร์โบไฮเดรตในน้ำตาลจะขัดขวางการดูดซึมของสารแอนติออกซิ แดนท์เข้าสู่ร่างกายหรือไม่ จากงานวิจัยล่าสุดโดย Renouf และคณะวิจัย ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition ได้เปรียบเทียบปริมาณสารแอนติออกซิแดนท์ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ภายหลังให้ผู้ทดสอบบริโภคกาแฟดำเปรียบเทียบกับกาแฟผสมนมและน้ำตาล ผลการทดสอบพบว่า นมและน้ำตาลไม่มีผลต่อความสามารถในการดูดซึมของสารแอนติออกซิแดนท์เข้าสู่ กระแสเลือด ดังนั้น ผู้ที่นิยมชมชอบในการเติมนม น้ำตาล ในกาแฟ ไม่ต้องกังวลว่าจะได้สารแอนติออกซิแดนท์น้อยลงไป

ในอีกด้านหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่สองได้ โรคเบาหวานชนิดนี้เกิดจากภาวะที่ตับอ่อนสามารถสร้างอินซูลินได้แต่ไม่เพียง พอต่อความต้องการ หรืออาจเป็นเพราะร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินที่ผลิตขึ้นมาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเรียกว่า ภาวะดื้อต่ออินซูลิน จากงานวิจัยของ Kempf และคณะ (2009), Zhang และคณะ (2009) และ Huxley และคณะ (2009) รายงานผลสอดคล้องกันว่า สาร chlorogenic acid, caffeic acid รวมถึงแมกนีเซียม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดปริมาณของ interleukin-18 และ 8-isoprostane ในกระแสเลือด 8-16% ซึ่งบ่งชึถึงการยับยั้งภาวะ oxidative stress ในร่างกาย ในขณะเดียวกันปริมาณ adiponectin ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรตีนที่ควบคุมเมตาบอลิซึมของไขมันเพิ่มขึ้น 8% ซึ่งมีส่วนช่วยควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลอีกด้วย จากการตรวจติดตามผลเป็นระยะเวลานาน 8 ปี พบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟมากกว่า 12 แก้วต่อวัน ความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานลดลง 67% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ดื่มกาแฟ สำหรับกาแฟที่สกัดคาเฟอีกออกไปแล้ว ยังช่วยลดการเกิดโรคเบาหวานได้ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพน้อยกว่ากาแฟธรรมดา เนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารสำคัญตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่นี้

อีกกลุ่มงานวิจัยได้พยามศึกษาความสามารถของกาแฟในการลดความเสี่ยงของการเกิด โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และจากผลการศึกษาชี้ว่าสารบางอย่างในกาแฟมีผลช่วยในการรักษาปริมาณของ ฮอร์โมนเพศชายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงช่วยป้องกันภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตามรายละเอียดของสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ รวมถึงกลไกป้องกันยังไม่ทราบรายละเอียดชัดเจน
ถึงแม้ว่ารายงานผลการวิจัยมากมากชี้ถึงสรรพคุณที่มีประโยชน์ของกาแฟ แต่อีกด้านหนึ่งอย่างที่เราทราบการว่าการดื่มกาแฟมากเกินไปอาจมีผลต่อภาวะ การนอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น ดังนั้นการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายน่าจะให้ผลดีที่สุด


เอกสารอ้างอิง
- K. Kempf, C. Herder, I. Erlund, H. Kolb, et al. "Effects of coffee consumption on subclinical inflammation and other risk factors for type 2 diabetes: a clinical trial". American Journal of Clinical Nutrition.
- Y. Zhang, E.T. Lee, L.D. Cowan, R.R. Fabsitz, B.V. Howard. "Coffee consumption and the incidence of type 2 diabetes in men and women with normal glucose tolerance: The Strong Heart Study". Nutrition, Metabolism and Cardiovascular Diseases
- R. Huxley, C.M.Y. Lee, F. Barzi, L. Timmermeister, S. Czernichow, V. Perkovic, D.E. Grobbee, D. Batty, M. Woodward. “Coffee, Decaffeinated Coffee, and Tea Consumption in Relation to Incident Type 2 Diabetes Mellitus: A Systematic Review with Meta-analysis”. Archives of Internal Medicine. Volume 169, Issue 22, Pages 2053-2063.
- M. Renouf, C. Marmet, P. Guy, A.-L. Fraering, K. Longet, J. Moulin, M. Enslen, D. Barron, C. Cavin, F. Dionisi, S. Rezzi, S. Kochhar, H. Steiling, G. Williamson. "Nondairy Creamer, but Not Milk, Delays the Appearance of Coffee Phenolic Acid Equivalents in Human Plasma". Source: Journal of Nutrition 2010, Volume 140, Pages 259-263.
- http://www.nutraingredients.com/Research/Coffee-may-boost-prostate-health-Study

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น